หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ปิดตำนานกาม "ภาวนาพุทโธ" พระผู้มีชื่อเสียง


ปิดตำนานกาม "ภาวนาพุทโธ" ฎีกายืน-คุก50ปี อีกผลงานข่าวสด

คอลัมน์ แฟ้มคดี
ตะลึง ดีตพระภาวนาพุทโธติดคุก 50ปี คดีข่มขืนด.ญ. กลายเป็นนักโทษมียอดเงินฝากบัญชีมากสุด 14 ล้านบาท หลังบรรดาญาติธรรมยังศรัทธาแห่ตามฟังคำสอนถึงในเรือนจำบางขวาง พบคิวแน่นทุกวันอังคารและพฤหัสฯ เฉลี่ยได้บริจาคครั้งละ 7 พันบาท(พวกศรัทธาตาบอด ทำให้ศาสนาพุทธเสื่อม)

    เกือบ 14 ปีเต็มกับคดีสะท้านสะเทือนวงการสงฆ์ ในพฤติกรรมกามฉาวของนายจำลอง คนซื่อ หรืออดีตพระภาวนา พุท โธ อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพราน จ.นครปฐม ที่ถูกจับกุมข้อหาข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงชาวเขาถึง 9 คน เมื่อปี 2538

มาวันนี้คดีก็ถึงบทยุติอย่างสมบูรณ์ เมื่อศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ จำคุกนายจำลอง รวม 50 ปี

นาย จำลอง ถูกจับกุมพร้อมสมุนอดีตแม่ชีอีก 7 คน ซึ่งทำหน้าที่จัดหาเด็กหญิงชาวเขา ที่นายจำลอง นำมาเลี้ยงดูส่งเสียให้เรียนหนังสือเข้าไปบำเรอกามในกุฏิ

โดยทำทางเข้าเฉพาะและให้เด็กๆนอนพักอยู่ในห้องใกล้ๆ กัน

ไม่ต่างจากเป็น"ฮาเร็ม" โดยมีอดีตแม่ชี 7 คนทำหน้าที่ต้นห้อง ทั้งหลอกล่อ ข่มขู่เด็กๆ

หากรายใดไม่ยอมก็จะช่วยจับแขน-ขาเพื่อให้นายจำลอง ลงมือขืนใจ!!!

ก่อน ที่ความจะแตกเมื่อมีอดีตพระในวัดสังเกตพบความไม่ชอบมาพากล ตัดสินใจนำเรื่องเข้าร้องเรียนกรมการศาสนา และร้องมายังหนังสือพิมพ์"ข่าวสด"

หนังสือพิมพ์"ข่าวสด"ในห้วงเวลา นั้นเพิ่งกระชากหน้ากาก"จิ้งเขียว"อดีตพระยันตระ จนถูกจับสึกและเผ่นหนีคดีไปเร่ร่อนที่เมืองนอกจนถึงปัจจุบันนี้

ทีม ข่าวจึงสืบเสาะข้อเท็จจริงและตรวจสอบข้อมูล จนแน่ชัดว่าไม่ใช่เป็นการกลั่นแกล้ง เนื่องจากเวลานั้นนายจำลอง ในคราบพระภาวนาพุทโธ เป็นพระที่มีชื่อเสียงอย่างมาก

และยังพบข้อมูลสำคัญว่าก่อนหน้านี้เคยมีผู้ไปร้องทุกข์กับกองปราบปราม ในเรื่องเดียวกันมาแล้ว

อีก หลักฐานสำคัญที่หนังสือพิมพ์"ข่าวสด" ตัดสินใจเปิดข่าวนี้ คือจดหมายร้องทุกข์ของเหยื่อกามชุดแรกรวม 6 คน ที่รอดพ้นฮาเร็มนรกกลับไปอยู่ในความดูแลของหน่วยงานศึกษาธิการทางภาคเหนือ

เหยื่อทั้งหมดเขียนเล่ารายละเอียดอย่างหมดเปลือก

หนังสือพิมพ์ข่าวสดฉบับวันที่ 30 กรกฎาคม 2538 จึงนำเสนอข่าวนี้เป็นฉบับแรกและฉบับเดียว จนนำมาสู่การทลายฮาเร็มนรกของนายจำลอง

ตำรวจ กองปราบปราม เข้ามาสืบสวนเรื่องนี้และเชิญเจ้าทุกข์มาสอบปากคำ ก่อนใช้เวลาเพียง 1 เดือนเศษ สรุปสำนวนดำเนินคดีกับผู้ต้องหารวม 8 คน ส่งให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้อง

จําเลยทั้ง 8 คนประกอบด้วย 1.นายจำลอง คนซื่อ 2.น.ส.สมจิตร รักสีขาว 3.น.ส.ช่อผกา สกุลวนาการ 4.น.ส.อนงค์ วงศ์ใจประเสริฐ 5.น.ส.จินตนา ดาราโรดม 6.น.ส.สุภาพ นาวรัตน์ 7.นางศรีเพ็ญ มีกลอนเพราะ และ 8.น.ส.ขนิษฐา มีกลอนเพราะ


อัยการสั่งฟ้องผู้ ต้องหาทั้งหมดเป็นจำเลยต่อศาลวันที่ 27 พฤศจิกายน 2538 ในข้อหากระทำชำเราหญิงอายุไม่เกิน 13 ปีซึ่งมิใช่ภรรยาตน เป็นผู้สนับสนุน เป็นธุระจัดหา และชักพาหญิงไปเพื่อสำเร็จความใคร่ เพื่อการอนาจาร ระหว่างปี 2531-2538 มีเหยื่อรวม 9 คน

ศาลชั้นต้นใช้เวลาสืบพยานและพิจารณา อย่างถี่ถ้วนและรอบคอบนานเกือบ 10 ปี มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 47 ว่า จำเลยทั้งหมดกระทำผิดจริง หลายกรรมต่างกัน

ให้จำคุกจำเลยที่ 1 รวม 160 ปี แต่ตามกฎหมายกำหนดให้จำคุกจำเลยไว้ได้ไม่เกิน 50 ปี จึงให้จำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ 50 ปี, จำเลยที่ 2 จำคุก 31 ปี, จำเลยที่ 3 จำคุก 28 ปี, จำเลยที่ 4 จำคุก 10 ปี , จำเลยที่ 5 จำคุก 3 ปี , จำเลยที่ 6 จำคุก 4 ปี , จำเลยที่ 7 จำคุก 10 ปี ส่วนจำเลยที่ 8 ยกฟ้อง

จำเลยที่ 1-4 และ 6-7 ยื่นอุทธรณ์คดีขอให้ศาลยกฟ้อง

กระทั่งวันที่ 16 พฤศจิกายน 48 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
นาย จำลอง จำเลยที่ 1 และน.ส.ช่อผกา สกุลวนาการ จำเลยที่ 3 เป็น 2 คนที่ยื่นฎีกา ส่วนคนอื่นๆ ที่ไม่ยื่นฎีกา เพราะบางส่วนเสียชีวิต และบางส่วนก็ได้รับโทษครบตามกำหนดแล้ว เนื่องจากศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวระหว่างการพิจารณาคดี

วันที่ 7 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ศาลฎีกานัดอ่านคำพิพากษา

ช่วง เช้านายจำลอง ถูกเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จับใส่ตรวนสวมชุดนักโทษ ควบคุมตัวมาที่ศาล โดยมีสาวกราว 200 คนทั้งแม่ชีและคนธรรมดา นุ่งขาวห่มขาวมาให้กำลังใจ

โดยน่าจะเป็นกลุ่มเดียวกับที่เคยยกขบวนไปเยี่ยมนายจำลอง ในคุกและนั่งพนมมือฟังนายจำลอง เทศน์ผ่านลูกกรงด้วย!??

ระหว่าง เดินเข้าห้องพิจารณาก็มีบรรดาแม่ชี และผู้นับถือศรัทธา นั่งพับเพียบกับพื้นพนมมือไหว้ ส่วนนายจำลอง ก็วางท่าพนมมือรับไหว้ตลอดทาง

เมื่อถึงเวลาผู้พิพากษาศาลฎีกาออกนั่งบัลลังก์อ่านคำตัดสิน

"ศาล ฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารืออย่างละเอียดรอบคอบแล้วเห็นว่าพยานผู้เสีย หายทั้งเก้า เบิกความสอด คล้องกันถึงพฤติการณ์ของพวกจำเลย มีแม่ชี พาผู้เสียหายรายละคนผ่านทางห้องน้ำ อ้างว่าต้องไปทำความสะอาดห้องบันทึกเทป จากนั้นได้ให้ผู้เสียหายไหว้พระพุทธรูป จำเลยที่ 1 จึงเดินลงมาจากชั้น 2 ให้ผู้เสียหายมากราบที่ตัก ใช้มือลูบผม แล้วให้ผู้เสียหายไปปูที่นอน หรือให้ช่วยบีบนวดที่ขา จากนั้นจำเลยที่1 เข้าโอบกอด โดยมีจำเลยอื่นช่วยจับแขนขา แล้วจำเลยที่1 ได้กระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่แล้วก็ให้ผู้เสียหายกินยาคุมกำเนิด"



ต่อ มาได้มีพระสุรัตน์ ซึ่งเป็นพระลูกวัดโพธิ์เรียง ญาติของผู้เสียหายรายหนึ่ง ทราบเรื่องจากผู้เสียหาย จึงให้เขียนบันทึก ทำแผนที่แล้วเข้าร้องเรียนต่อกรมการศาสนาและกองปราบปราม ต่อมาสื่อมวลชนเสนอข่าว ผู้เสียหายทยอยเปิดเผยตัวมากขึ้น จึงเริ่มสอบสวนจริงจังโดยพาไปดูที่เกิดเหตุ ที่ชี้จุด เก็บหลักฐานพยาน จนได้ลายนิ้วมือจำเลย ร่องรอยห้องน้ำที่ถูกดัดแปลง และอื่นๆ

ศาลฎีกา เห็นว่า ที่เกิดเหตุ แม้ถูกดัดแปลงก่อสร้างเพิ่มเติมหลังเกิดเหตุ แต่ยังมีร่องรอยตรงกับที่ผู้เสียหายเบิกความ แสดงว่าจำเลยที่ 1 สามารถเดินลงจากกุฏิชั้น 2 มาชั้นล่างโดยที่คนภายนอกมองไม่เห็น นอกจากนี้จำเลยกลับนำเด็กหญิงมาอยู่ใกล้ๆ กุฏิ ทั้งที่ควรจะเป็นเด็กชาย จึงผิดวิสัยของผู้ปฏิบัติธรรม

ฎีกาของจำเลยไม่มีข้อสาระสำคัญที่จะ เปลี่ยนแปลงคำพิพากษาเป็นอย่างอื่นได้ ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยทั้งสองมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย

พิพากษายืน

เรื่อง ราวฉาวโฉ่ของนายจำลอง หรือสมีพุทโธ เปิดเผยขึ้นมาจากการร้องเรียนของอดีตพระวัดสามพรานรูปหนึ่ง ซึ่งทนพฤติกรรมของเจ้าอาวาสไม่ไหว

มีการร้องเรียนไปยังตำรวจกองปราบปราม กรมการศาสนา และร้องมายังหนังสือพิมพ์"ข่าวสด" ช่วงกลางปี 2538

ต่อ มาผู้ปกครองเด็กชาวเขา และเด็กๆ ที่ถูกย่ำยีทางเพศโดยเจ้าอาวาสชื่อดัง โดยมีบรรดาแม่ชีร่วมรู้เห็นและทำหน้าที่ต้นห้องส่งเด็กสาวไปสังเวยกาม เข้าร้องทุกข์กับกองปราบฯ

ทีมสอบสวนมือฉมังในยุคนั้น นำโดย พ.ต.อ.นุกูล โสมทัต พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ซึ่งปัจจุบันเป็นอธิบดีดีเอสไอ ได้ร่วมกันสืบสวนสอบสวน ท่ามกลางแรงกดดันจากคนใหญ่คนโตที่หลงศรัทธาพระรูปนี้

จากหลักฐานพบ ว่าภาวนาพุทโธ ซึ่งจะรับเด็กหญิงชาวเขาอายุไม่เกิน 15 ปี มาดูแลและส่งเสียให้เรียน ฉากหน้าเหมือนคนใจบุญ แต่เบื้องหลังคือการให้เด็กๆ เหล่านี้มาร่วมหลับนอน

ตำรวจและกรมการ ศาสนาเข้าสืบสวนเรื่องนี้ กระทั่งพบตัวเด็กหญิงและหญิงสาวรวม 9 คน ที่ให้การยืนยันว่าถูกล่วงเกินทางเพศ โดยมีแม่ชีจำนวนมากทำหน้าที่เกลี้ยกล่อมแกมข่มขู่เพื่อให้ยินยอม

ไม่เพียงเท่านั้นเมื่อสืบสวนลึกลงไปพบว่าภาวนาพุทโธมีวิธีการหาเงินเข้าวัดอย่างแยบยล โดยใช้ระบบไดเร็กต์เซลส์ บอกบุญผ่านกันเป็นทอดๆ

เด็ก หญิงเหยื่อกามเขียนจดหมายด้วยลายมือตัวเองแฉพฤติกรรมของพุทโธและแม่ชีต้น ห้อง โดยทุกครั้งที่จะนำเด็กไปบำเรอกามจะมีวิธีการพิสดาร โดยแม่ชีจะให้เด็กๆ จับเบอร์ ว่าใครจะแจ๊กพอต

จากนั้นก็จะพาไปเข้ากุฏิโดยมีรหัสรู้กันว่า "ซักจีวร" เมื่อเด็กๆ ได้ยินจะหวาดผวาไปตามๆ กัน

ล่วงเข้าวันที่ 9 สิงหาคม 2538 ตำรวจกองปราบปรามที่รวบรวมหลักฐานได้แน่นหนา ก็พาเด็กทั้งหมดไปชี้จุดเกิดเหตุและทำแผนฯ

เด็กๆ สามารถเล่ารายละเอียดตั้งแต่แม่ชีพาเดินจากที่พักมารอยังห้องๆ หนึ่ง ก่อนมีการจับสลากและส่งเด็กเข้าไปในกุฏิ

ตำรวจพาเด็กเข้าไปทีละคนเพื่อชี้จุดต่างๆ ก็ถูกต้องทั้งหมด แม้ในกุฏิจะมีการรื้อห้องทำใหม่เพื่ออำพรางคดีก็ตาม

หลัก ฐานที่ปรากฏก็ชัดเจนเพียงพอที่กระทรวงมหาดไทยจะออกหมายจับ 3 ข้อหาฉกรรจ์ คือกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี, อนาจารเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี และข่มขืนหญิงอื่นที่มิใช่ภรรยาตน

หลังถูกออกหมายจับไม่นานพุทโธก็เข้ามอบตัว และขอประกันตัวออกไปทันที โดยอ้างว่ามีอาการป่วยต้องเข้ารักษาตัวในร.พ.

สมีพุทโธนอนสบายในห้องพิเศษร.พ.ได้ไม่กี่วันตำรวจก็เข้าไปลากออกมาจับสึกและให้เจ้าทุกข์รุมชี้ตัว ก่อนส่งเข้าเรือนจำทันที!!!

จากนั้นเป็นคิวของแม่ชีต้นห้องที่ถูกจับดำเนินคดี

และมาถึงวันนี้ เกือบ 14 ปีผ่านไป คดีนี้ก็มาถึงบทอวสาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น