หน้าเว็บ

วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เรื่องปล่อยช้างนาฬาคิรี


 เรื่องปล่อยช้างนาฬาคิรี



     [๓๗๗] สมัยนั้น ในกรุงราชคฤห์ มีช้างชื่อนาฬาคิรี เป็นสัตว์ดุร้าย  ฆ่ามนุษย์ ครั้ง
นั้น พระเทวทัตเข้าไปสู่กรุงราชคฤห์แล้วไปยังโรงช้างได้กล่าวกะพวกควาญช้างว่า พนาย เรา
เป็นพระราชญาติ  สามารถจะแต่งตั้งผู้ที่อยู่ในตำแหน่ง ต่ำไว้ในตำแหน่งสูงได้ สามารถจะเพิ่มได้
ทั้งเบี้ยเลี้ยงและเงินเดือน พนาย ถ้า กระนั้นเวลาใดพระสมณโคดมทรงพระดำเนินมาตรอกนี้
เวลานั้น พวกท่านจง  ปล่อยช้างนาฬาคิรีเข้าไปยังตรอกนี้ ควาญช้างเหล่านั้นรับคำพระเทวทัต
แล้ว
    ครั้นเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงครองอันตรวาสกแล้วทรงถือบาตร จีวร เสด็จเข้าไป
ยังกรุงราชคฤห์พร้อมกับภิกษุมากรูป ทรงพระดำเนินถึงตรอกนั้น ควาญช้าง เหล่านั้นได้แลเห็น
พระผู้มีพระภาคทรงพระดำเนินถึงตรอกนั้น จึงปล่อยช้างนาฬา  คิรีให้ไปยังตรอกนั้น
    ช้างนาฬาคิรีได้แลเห็นพระผู้มีพระภาค ทรงพระดำเนินมา  แต่ไกลเทียว แล้วได้ชูงวง หูชัน
หางชี้ วิ่งรี่ไปทางพระผู้มีพระภาค ภิกษุเหล่านั้นได้แลเห็นช้างนาฬาคิรีวิ่งมาแต่ไกลเทียว แล้ว
ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า พระพุทธเจ้าข้า ช้างนาฬาคิรีนี้ดุร้าย หยาบช้า ฆ่ามนุษย์ เดิน
เข้ามายังตรอก    นี้แล้ว ขอพระผู้มีพระภาคจงเสด็จกลับเถิด ขอพระสุคตจงเสด็จกลับเถิด
พระพุทธเจ้าข้า
     พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า มาเถิด ภิกษุทั้งหลาย เธออย่ากลัวเลย ข้อที่ บุคคลจะปลง
ชีวิตตถาคตด้วยความพยายามของผู้อื่นนั่นไม่ใช่ฐานะ ไม่ใช่โอกาสเพราะพระตถาคตทั้งหลาย
ย่อมไม่ปรินิพพานด้วยความพยายามของผู้อื่น

     แม้ครั้งที่สอง ภิกษุเหล่านั้น ...
     แม้ครั้งที่สาม ภิกษุเหล่านั้นได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า พระพุทธเจ้าข้า   ช้างนาฬาคิรี
นี้ ดุร้าย หยาบช้า ฆ่ามนุษย์ เดินเข้ามายังตรอกนี้แล้ว ขอพระผู้มี   พระภาคจงเสด็จกลับเถิด
ขอพระสุคตจงเสด็จกลับเถิด พระพุทธเจ้าข้า
     พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า มาเถิดภิกษุทั้งหลาย อย่ากลัวเลย ข้อที่บุคคล  จะปลงชีวิต
ตถาคตด้วยความพยายามของผู้อื่น นั่นไม่ใช่ฐานะ ไม่ใช่โอกาส    เพราะพระตถาคตทั้งหลาย
ย่อมไม่ปรินิพพานด้วยความพยายามของผู้อื่น ฯ
     [๓๗๘] คราวนั้น คนทั้งหลาย หนีขึ้นไปอยู่บนปราสาทบ้าง บนเรือน โล้นบ้าง บน
หลังคาบ้าง บรรดาคนเหล่านั้น พวกที่ไม่มีศรัทธา ไม่เลื่อมใส  ไร้ปัญญา กล่าวอย่างนี้ว่า
ชาวเราผู้เจริญ พระมหาสมณโคดม พระรูปงาม จัก  ถูกช้างเบียดเบียน
     ส่วนพวกที่มีศรัทธา เลื่อมใส ฉลาด มีปัญญา กล่าวอย่างนี้ว่า ชาวเรา ผู้เจริญ ไม่
นานเท่าไรนัก พระพุทธนาคจักทรงทำสงครามกับช้าง
     ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคทรงแผ่เมตตาจิตไปสู่ช้างนาฬาคิรี
     ลำดับนั้น ช้างนาฬาคิรีได้สัมผัสพระเมตตาจิตของพระผู้มีพระภาคแล้ว  ลดงวงลงแล้ว
เข้าไปทางพระผู้มีพระภาค แล้วได้ยืนอยู่ตรงพระพักตร์พระผู้มีพระภาค

     ขณะนั้น พระผู้มีพระภาคทรงยกพระหัตถ์ขวาลูบกระพองช้างนาฬาคิรี พลางตรัสกะช้าง
นาฬาคิรี ด้วยพระคาถา ว่าดังนี้:
     [๓๗๙] ดูกรกุญชร เจ้าอย่าเข้าไปหาพระพุทธนาค เพราะการเข้าไปหา
      พระพุทธนาคด้วยวธกะจิตเป็นเหตุแห่งทุกข์ ผู้ฆ่าพระพุทธนาค
      จากชาตินี้ไปสู่ชาติหน้าไม่มีสุคติเลย เจ้าอย่าเมา และอย่า
      ประมาท เพราะคนเหล่านั้น เป็นผู้ประมาทแล้ว จะไปสู่สุคติ
      ไม่ได้ เจ้านี่แหละ จักทำโดยประการที่จักไปสู่สุคติได้ ฯ
     [๓๘๐] ลำดับนั้น ช้างนาฬาคิรีเอางวงลูบละอองธุลีพระบาทของพระผู้มี พระภาคแล้วพ่น
ลงบนกระหม่อม ย่อตัวถอยออกไปชั่วระยะที่แลเห็นพระผู้มี   พระภาค ไปสู่โรงช้างแล้วได้ยืนอยู่
ณ ที่ของตน
     ก็แล ช้างนาฬาคิรีเป็นสัตว์อันพระพุทธนาคทรงทรมานแล้วด้วยประการ    นั้น ฯ
     [๓๘๑] สมัยนั้น คนทั้งหลายขับร้องคาถานี้ ว่าดังนี้:
      คนพวกหนึ่งย่อมฝึกช้างและม้า ด้วยใช้ท่อนไม้บ้าง ใช้ขอบ้าง
      ใช้แส้บ้าง สมเด็จพระพุทธเจ้าผู้แสวงพระคุณใหญ่ทรงทรมาน
      ช้างโดยมิต้องใช้ท่อนไม้ มิต้องใช้ศัสตรา
     คนทั้งหลายต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า พระเทวทัตนี้เป็นคน    มีบาป ไม่มีบุญ
เพราะพยายามปลงพระชนม์พระสมณโคดม ผู้มีฤทธิ์มากอย่างนี้  มีอานุภาพมากอย่างนี้ ลาภ
สักการะของพระเทวทัตเสื่อม ส่วนลาภสักการะของ   พระผู้มีพระภาคเจริญยิ่งขึ้น ฯ
     [๓๘๒] สมัยต่อมา พระเทวทัตเสื่อมลาภสักการะแล้ว พร้อมทั้งบริษัท    ได้เที่ยวขอใน
สกุลทั้งหลายมาฉัน ประชาชนทั้งหลายต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน   โพนทะนาว่า ไฉนพระสมณะ
เชื้อสายพระศากยบุตร จึงเที่ยวขอในสกุลทั้งหลาย    มาฉันเล่า ของที่ปรุงเสร็จแล้วใครจะไม่พอใจ
ของที่ดีใครจะไม่ชอบใจ
     ภิกษุทั้งหลาย ได้ยินพวกนั้นเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่ พวกที่    เป็นผู้มักน้อย
... ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนพระเทวทัตพร้อม กับบริษัท จึงเที่ยวขอในสกุลทั้ง
หลายมาฉันเล่า แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มี  พระภาค
     พระผู้มีพระภาค ... ตรัสถามว่า ดูกรเทวทัต ข่าวว่า เธอพร้อมกับบริษัท    เที่ยวขอในสกุล
ทั้งหลายมาฉัน จริงหรือ
     พระเทวทัตทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า
     พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียน ... ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถารับสั่งกะ  ภิกษุทั้งหลายว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแล เราจักบัญญัติโภชนะสำหรับ   ๓ คนในสกุลแก่ภิกษุทั้งหลาย อาศัย
อำนาจประโยชน์ ๓ ประการ คือ เพื่อข่ม   บุคคลผู้เก้อยาก ๑ เพื่ออยู่ผาสุกของภิกษุผู้มีศีลเป็นที่
รัก ๑ เพื่ออนุเคราะห์สกุลด้วย หวังว่า ภิกษุทั้งหลายที่มีความปรารถนาลามกอย่าอาศัยฝักฝ่ายทำลาย
สงฆ์ ๑ ในการ ฉันเป็นหมู่ พึงปรับอาบัติตามธรรม ฯ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น